TOUCH / เป็นรองเท้าฟุตบอลที่มีรูปทรงสวยงาม สไตล์คลาสสิคที่ดูทันสมัย เน้นสัมผัสความนุ่มของหนังแท้
สวมใส่สบายและให้ความกระชับในระดับสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีรสนิยมที่ชื่นชอบความโมเดิร์นแบบคลาสสิค
นักเตะที่ใช้ :: Lampard, P.Lahm, G.Barry, Pirlo, Lucus, Pique, Ramos เป็นต้น
รองเท้าฟุตบอลระดับท็อปคลาสในซีรี่ย์ความเร็วจากไนกี้ รุ่นล่าสุด Mercurial Vapor X ดูจะกลายเป็นพระรอง
ในการทำตลาด แต่ในบทความ "เปิดฝากล่อง" บทความนี้ SiamBoots จะพาตัวรองเท้ารุ่นนี้มารับบทเป็นพระเอก
พร้อมเปิดฝากล่อง แนะนำตัว และนำเสนอเทคโนโลยีที่ไนกี้บรรจุมาให้ทั้งหมด เพื่อลบคำสมประมาทของเรื่อง
หน้าตาภายนอก ที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันเหมือนรองเท้าระดับรองท็อปมากเกินไป
คำถามที่ผมได้ยินมาบ่อยที่สุด จากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายท่าน คือ ทำไม!? ไนกี้ถึงออกแบบ Mercurial Vapor X
ซึ่งเป็นรองเท้าระดับท็อปคลาส ให้มีรูปร่างหน้าตาและวัสดุภายนอก เหมือนกันกับMercurial Veloce II จนแทบ
แยกแยะไม่ออก และเป็นประเด็นการแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางที่บอกว่า แบบนี้ไปซื้อรองเท้ารุ่นท็อปดีกว่าไหม
เพราะหลายๆ อย่างมันเหมือนกันซะขนาดนั้น
คำตอบที่จะสามารถไขประเด็นดังกล่าวได้อย่างสมเหตุสมผล คงจะหนีไม่พ้นรายละเอียดเชิงลึก ว่าไนกี้ใช้
วัสดุอะไรมาผลิตและประกอบเป็นส่วนต่างๆ ของตัวรองเท้า รวมถึงลูกเล่นหรือเทคโนโลยีที่ไนกี้บรรจุมาให้นั้น
สมควรที่จะทำให้ Mercurial Vapor X ยังคงอยู่ในฐานะรองเท้าฟุตบอลระดับแนวหน้าของวงการรองเท้าฟุตบอล
ดั่งเช่นเจเนอเรชั่นที่ผ่านมาหรือไม่
โดยรองเท้าที่เราได้รับการสนับสนุนมาจาก บริษัท ไนกี้ (ประเทศไทย) จำกัด คู่นี้ พร้อมจะให้คุณผู้อ่านทุกท่าน
ได้ยลโฉม เพื่อเปลี่ยนความคิดและลบคำสบประมาทที่เกิดขึ้น !!
ไนกี้พัฒนาหนังสังเคราะห์เทจิน ไมโครไฟเบอร์ (Tejin Microfiber) ที่เอามาตัดเย็บเป็นตัวรองเท้ารุ่นนี้
ให้มีประสิทธิภาพในด้านการสัมผัสควบคุมลูกฟุตบอลมากขึ้นกว่าเจเนอเรชั่นก่อน โดยเปลี่ยนจากผิวลูกกอล์ฟ
มาเป็นสิ่งที่เรียกว่า "Micro-Texture" ซึ่งการออกแบบให้หน้าสัมผัสรอบตัวรองเท้า มีพื้นผิวขรุขระขนาดเล็ก
และมีความฝืด เพื่อช่วยสร้างแรงเสียดทานกับผิวของลูกฟุตบอลได้ดียิ่งขึ้น
เทคโนโลยี All Conditions Control (ACC) ซึ่งเป็นสารเคลือบผิวชนิดพิเศษ ที่จะช่วยให้หน้าสัมผัสของ
รองเท้ารุ่นนี้ ยังคงมีประสิทธิภาพในการดึงดูดและควบคุมลูกฟุตบอลได้ดี ทั้งในสภาวะที่เปียกน้ำหรือแห่งสนิท
ถูกเคลือบลงบนผิวหน้าสัมผัสของรองเท้ารุ่นนี้ ในทุกๆ ด้าน ทุกๆ บริเวณ เพื่อทำให้ผู้เล่นสามารถควบคุม
ลูกฟุตบอลได้ดีในทุกสภาพอากาศ โดยเทคโนโลยี ACC ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญ ที่ไนกี้ใส่มาให้
เฉพาะรองเท้าระดับท็อปคลาส ขึ้นไปเท่านั้น
อีกหนึ่งจุดสังเกตสำคัญของ ไนกี้ Mercurial Vapor X คือรองเท้ารุ่นนี้ "ไม่มีลิ้น" โดยใช้วัสดุหนังสังเคราะห์
ผิวเรียบและบาง แบบเดียวกับตัวรองเท้าเย็บติดต่อเนื่องขึ้นมา เมื่อมองจากด้านนอกจะเห็นเป็นชิ้นส่วนเดียวกัน
กับตัวรองเท้าเลย ลักษณะหนังส่วนดังกล่าวนั้นจะถูกออกแบบให้หย่อน แต่เมื่อผู้เล่นสวมเท้าเข้าไปแล้ว หนังจะตึง
เรียบเข้ารูป และพอดีกับหลังเท้าของผู้สวมใส่พอดิบพอดี
เชือกรองเท้าที่ร้อยติดตัวรองเท้ารุ่นนี้มา เป็นเชือกแบบเส้นแบน เพื่อให้รบกวนการสัมผัสบอลบริเวณหลังเท้า
ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขนาดเส้นเชือกเป็นเชือกหน้าแคบ เส้นเล็ก และเนื้อผ้านิ่มมากที่สุดในบรรดาเชือก
รองเท้าของไนกี้เลยก็ว่าได้ ทำให้การผูกปมเชือกรองเท้า สามารถทำได้อย่างกระชับและแน่นหนา
ชุดพื้นและช่วงล่างของรองเท้า Mercurial Vapor X ดูจะเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด เพราะ
นอกจากไนกี้จะตัดสินใจไม่ใช้วัสดุไฟเบอร์กลาส ซึ่งเป็นวัสดุที่ดูภายนอกแล้วสวยงามและดูดีมากแล้ว ยังได้
ทำออกมาให้มันมีรูปร่างหน้าตาและสี ซึ่งดูด้อยลงกว่าชุดพื้นสีเงินจากไฟเบอร์กลาสเป็นอย่างมาก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว วัสดุที่ไนกี้เอามาทำชุดพื้นให้กับรองเท้ารุ่นนี้ เป็นวัสดุไนล่อน (Nylon) กับพีแบค (Pebax) อัดขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันแบบเต็มแผ่น โดยคุณสมบัติเด่นของวัสดุชนิดนี้ คือ เป็นวัสดุที่มีความแข็ง
มีน้ำหนักเบา สามารถออกแบบให้บางมากๆ ได้โดยที่ยังคงมีความเหนียวและทนทาน ซึ่งทางไนกี้ได้ยืนยันว่า
วัสดุชิ้นนี้ การออกแบบมาแบบนี้ เป็นการพัฒนารองเท้ารุ่นนี้ให้มีประสิทธิภาพด้านความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น