
ไนกี้ได้พัฒนาเจเนอเรชั่นล่าสุดของสุดยอดรองเท้าฟุตบอลสายความเร็ว ภายใต้ชื่อ
Mercurial Vapor SuperFly III และเป็นเวลามากกว่าครึ่งเดือนแล้วที่ไนกี้ได้ส่งรองเท้ารุ่นนี้
มาให้ผมได้สัมผัสและทดสอบประสิทธิภาพของจรวดทางเรียบรุ่นนี้ว่าสุดยอดเพียงใด
คงต้องยอมรับเกี่ยวกับกระแสความร้อนแรงของรองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์นี้ว่าเป็นที่ชื่นชอบของ
บรรดานักฟุตบอลทั่วโลก และถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีการพัฒนาและอัดแน่น
ไปด้วยเทคโนโลยีทางวัสดุขั้นสูงมากมาย นอกเหนือจากลีลาอันแสนระทึกใจบนสนาม
ของ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" พรีเซนเตอร์หมายเลขหนึ่งของรองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์นี้แล้ว
ยังมีสีสันต์ของรองเท้าที่ไนกี้ได้เลือกผลิตออกมาในโทนสีที่สุดแสนจะโดดเด่นบาดตาบาดใจ
ตามกระแสแฟชั่นในวงการรองเท้าฟุตบอลในยุคปัจจุบันแบบนี้ จึงส่งผลให้เจเนอเรชั่นใหม่
"Mercurial VII" นั้นเป็นที่ต้องการของบรรดานักเตะทั่วทั้งโลกนั่นเอง

หากใครได้อ่านหัวข้อข่าว Hand On! ที่ผมได้นำเสนอทันทีที่ได้รับรองเท้าราคา 14,700 บาท
คู่นี้มาไว้ในครอบครอง โดยที่ข้อมูลตรงส่วนนั้นการแสดงรายละเอียดของรองเท้าว่ามีจุดเด่น
บนตัวรองเท้าตรงไหนบ้าง สัมผัสภายนอกเป็นอย่างไร รวมถึงของแถมและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ท่าน
จะได้รับเมื่อซื้อรองเท้าคู่นี้มาแบบของครบ หรือพูดง่ายๆ ว่าซื้อจากช็อปนั่นแหละ
(หากใครต้องการจะอ่านหัวข้อข่าว Hand On! Be Fast, Be Seen, Be SuperFly (III) --> คลิก)
มีเวลาพอสมควรกับการที่ผมได้อยู่กับสุดยอดรองเท้าฟุตบอลระดับ World Class คู่นี้ ทั้งได้
สัมผัสและใส่ลงสนามเพื่อทดสอบเป็นเวลาพอสมควร จนพอจะสรุปเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของรองเท้า
คู่นี้ได้อย่างเต็มที่ ว่าเจ้าจรวดทางเรียบระดับโลก Mercurial Vapor SuperFly III คู่นี้จะสุดยอด
สมคำล่ำลือหรือไม่ !!?? แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้น เรามารู้จักกับรายละเอียดต่างๆ ของรองเท้ารุ่นนี้
กันก่อนดีกว่า
Details

Vapor SuperFly IIIคือรองเท้าฟุตบอลระดับเวิร์ดคลาสในตระกูล Mercurial VII โดย
รองเท้ารุ่นนี้ได้รับการพัฒนาและปรับแต่งรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถให้สูงขึ้น
ไปอีกขั้น เพื่อสืบทอดการนำเสนอนวัตกรรมที่ล้ำหน้าที่สุดเพื่อมอบประสิทธิภาพจากน้ำหนัก
ที่เบา ให้ความรวดเร็วและตอบสนองได้ดีอย่างเหลือเชื่อเมื่ออยู่ในสนาม โดย Mercurial
Vapor SuperFly III จะมอบการยึดเกาะที่ดี พร้อมความกระชับและการควบคุมที่จะช่วยให้
ผู้เล่นทำให้โอกาสเพียงครั้งเดียวเช่นนั้นบังเกิดผลได้ โดยน้องใหม่ในตระกูลเมอร์คิวเรียลนี้
จะมาในคู่สีสะดุดตา พร้อมลวดลายกราฟฟิกรอบๆ ส้นเท้าและข้างเท้าด้านในช่วยให้มองเห็น
ได้ง่ายและโดดเด่นยามโลดแล่นอยู่ในสนาม

แนวคิดการออกแบบลวดลายและคู่สีเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับผู้สวมใส่ได้ถูกนำมาใช้
เป็นจุดขายของเจเนอเรชั่นนี้ ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวและวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกอย่างเป็น
ทางการในวันที่ 1 เมษายน 2011 ที่ผ่านมา รายละเอียดทางเทคนิคต่างๆ นั้นไม่แตกต่าง
จากเดิมมากนัก หลายคนอาจจะยังแปลกใจว่าไนกี้ไม่สามารถลดน้ำหนักของรองเท้ารุ่นนี้
ให้ทัดเทียมกับคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ ได้แล้วหรือ !? คำตอบคือ ทำได้ครับ..แต่ไม่ทำ !! จาก
ข้อมูลที่ได้รับมานั้น แนวคิดของทีมนักออกแบบจากไนกี้ก็คือ ต้องการสร้างรองเท้ารุ่นนี้
ให้มีศักยภาพทั้งด้านความเร็ว ความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพในการทำประตู ดังนั้น
น้ำหนักตัว 221 กรัม เป็นน้ำหนักที่ทีมนักออกแบบของไนกี้ได้สรุปว่ามีความเหมาะสมที่สุด
และเพื่อจุดศูนย์ถ่วงที่ยอดเยี่ยม แม้จะไม่ได้วิ่งตัวปลิวเหมือนกับรองเท้ารุ่นอื่นๆ ที่เบากว่า
แต่ก็สามารถที่จะยิงประตูได้ยังมีพละกำลัง สำหรับแนวคิดการออกแบบของ Mercurial
Vapor SuperFly III ประกอบไปด้วย
1. เป็นรองเท้าฟุตบอลสายความเร็วที่ไม่เพียงแต่มีน้ำหนักเบา แต่ยังรวมถึงมีความแข็งแกร่ง
และศักยภาพในการจู่โจมใส่คู่แข่งได้ทุกจังหวะ
2. ออกแบบเพื่อเพิ่มความโดดเด่นในสนาม ด้วยคู่สีสะท้อนแสงและลวดลายที่ออกแบบใหม่
มีความโดดเด่น เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมสามารถสังเกตเห็นได้ก่อนสิ่งอื่นใด
3. เป็นรองเท้าฟุตบอลที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีทางวัสดุขั้นสูง รวมถึงการออกแบบที่มี
ประสิทธิภาพ เพื่อช่วยความสามารถในการยึดเกาะพื้นที่ดีที่สุดเท่าที่รองเท้าฟุตบอลสามารถ
ทำได้ และส่งผลต่อการสร้างสรรค์เกมแนวรุกให้บังเกิดผล
Mercurial Vapor SuperFly III มีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้

การยึดเกาะที่ไร้การสะดุด
จากการค้นคว้าของศูนย์วิจัยด้านกีฬาของไนกี้ ค้นพบว่าการลื่นไถลของผู้เล่นในเกมการแข่งขัน
ชั้นนำ เช่น ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งมีการลื่นไถลเกิดขึ้นถึง 845 ครั้งในการแข่งขัน 63 แมทช์
หรือคิดเป็นตัวเลขคร่าวๆ ประมาณ 14 ครั้งต่อการแข่งขันหนึ่งแมทช์ในทัวร์นาเมนท์ใหญ่หนึ่งทัวร์-
นาเมนท์ ชี้ให้เห็นสิ่งใหม่ที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการพัฒนาประสิทธิภาพรองเท้า นั่นคือ
การยึดเกาะและความกระชับ เทคโนโลยีการยึดเกาะที่ปรับสภาพได้จึงถูกพัฒนาขึ้นมาใช้ในรองเท้า
รุ่นนี้ พร้อมปุ่มสตั๊ดที่ทำงานด้วยแรงกดที่บริเวณปลายเท้าสามารถยืดตัวได้ถึง 3 มิลลิเมตรเมื่อจำเป็น
ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเร่งหรือลดความเร็วเพื่อเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แม้ใน
สภาพสนามที่อาจไม่เอื้ออำนวยนัก
การจัดเรียงปุ่มสตั๊ดที่ดียิ่งขึ้น
เพื่อความความกระชับเป็นเลิศสำหรับนักกีฬา รองเท้ารุ่นนี้ยังจัดวางให้มีปุ่มสตั๊ดแบบแกนความ
หนาแน่นต่างกัน 2 ระดับ (Dual Density Cored Stud System) ขึ้นที่บริเวณปลายเท้าเพื่อความมั่นคง
ของข้างเท้าและการหักเลี้ยว การเว้นช่วงที่บริเวณกลางเท้าช่วยเพิ่มระยะการเคลื่อนไหวของเท้า
พร้อมด้วยการยึดประคองข้างเท้าที่ดีขึ้นตลอดแนวตั้งแต่ส้นเท้าถึงนิ้วเท้า ปุ่มรูปทรงใบมีดจัดวาง
ตำแหน่งตามทิศทางการเคลื่อนไหวเพื่อจิกพื้นและให้ความเสถียรกับส้นเท้า
การยึดเกาะที่สั่งได้
แนวคิดที่มุ่งเน้นการยึดเกาะขณะส่งแรงด้วยปลายเท้าและจังหวะของก้าวแรกเพื่อลดการลื่นไถล
ได้นำมาสู่การจัดวางปุ่มรูปทรงใบมีดสามปุ่ม ซึ่งปุ่มที่จัดวางตำแหน่งตามทิศทางการเคลื่อนไหว
เหล่านี้ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการหักเลี้ยวและทำให้เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
ในทุกๆ สภาพสนาม ขณะที่มีแขนเพื่อยึดเกาะตรงส่วนกลางช่วยเสริมการเร่งความเร็วและการหยุด

เทคโนโลยีฟลายไวร์
เทคโนโลยีฟลายไวร์อันเป็นนวัตกรรมที่ผสานอยู่ในหน้ารองเท้าซึ่งออกแบบให้เพรียวบางยิ่งขึ้น
ช่วยพยุงเท้าด้วยน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษ เส้นโครงที่ผ่านการออกแบบโครงสร้างเป็นอย่างดีให้ความ
กระชับที่เปี่ยมด้วยพลังความคล่องแคล่ว พร้อมยึดพยุงเท้าเพื่อความรู้สึกกระชับสบายยิ่งขึ้น
หน้ารองเท้าเพรียวบางยิ่งขึ้น
หน้ารองเท้าแบบคอมโพสิทออกแบบใหม่ให้ดียิ่งขึ้นด้วยชั้นวัสดุน้อยชั้นลง และหนังสังเคราะห์
Teijin ช่วยให้รองเท้าคงความทนทานพร้อมกับให้ความรู้สึกกระชับสบายเท้าและประสิทธิภาพที่ดี
ในทุกสภาพสนาม

โครงพื้นรองเท้าคาร์บอนไฟเบอร์
การมีโครงพื้นที่น้ำหนักเบาและยืดหยุ่นได้ดีช่วยให้เท้าของผู้เล่นแนบชิดกับพื้นและองค์ประกอบ
ต่างๆ เพื่อการยึดเกาะที่ดี การออกแบบส่วนโค้งเว้าของโครงพื้นถอดแบบมาจากรูปทรงของเท้าเพื่อ
ความรู้สึกกระชับยิ่งขึ้น และแผ่นรองเท้าชั้นในที่มีน้ำหนักเบาและมีรูพรุนยังช่วยมอบการบุซับแรง
ด้วยรูปลักษณ์ที่บาง รวมถึงการรองรับเท้าที่ดีพร้อมๆ กับช่วยลดแรงกดของรองเท้า โครงพื้นรองเท้า
ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ โดยออกแบบขึ้นเพื่อให้พละกำลังสูงสุดพร้อมความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา

สีเพื่อผลพิเศษ
เพื่อให้ทัดเทียมกับความรวดเร็วล้ำสายตา เมอร์คิวเรียล เวเปอร์ ซูเปอร์ฟลาย ทรี รองเท้ารุ่นนี้
จึงมาในคู่สีสะดุดตาพร้อมลวดลายกราฟิกรอบๆ ส้นเท้าและข้างเท้าด้านใน ช่วยให้มองเห็นได้ง่าย
และโดดเด่นยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ในสนาม ลายพื้นเพื่อการยึดเกาะบริเวณปลายเท้าช่วยเสริมประสิทธิภาพ
การเร่งความเร็วเท้าในก้าวแรก

นอกเหนือจากแนวคิดในการออกแบบดังที่กล่าวไปแล้ว ไนกี้ยังทุ่มทุนโปรโมทรองเท้า
ซีรี่ย์นี้อย่างเต็มที่ ด้วยพรีเซนเตอร์ระดับซุปเปอร์สตาร์อย่าง "คริสเตียโน่ โรนัลโด้"พรีเซนเตอร์หมายเลขหนึ่งของรองเท้าฟุตบอลสายพันธุ์จรวดทางเรียบที่คาดว่าน่าจะเป็น
หนึ่งในพรีเซนเตอร์ที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก ด้วยลีลาการลากเลื้อยบนสนามดั่งที่ทุกคน
ได้ประจักษ์ต่อสายตากันมานักต่อนักแล้ว แค่นั้นก็เพียงพอที่จะบรรยายถึงสรรพคุณของ
ความสามารถในการยึดเกาะพื้นที่ยอดเยี่ยมของ Mercurial Vapor SuperFly III ได้แล้ว
ไม่เพียงแค่ความเร็วที่ยอดดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสใช้กระชากหนีคู่แข่ง แต่ยังมีพละกำลัง
ในการสังหารประตูที่เฉียบขาดและรุนแรง จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมนักฟุตบอลรุ่น
ใหม่ๆ ถึงอยากจะได้รองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้มาเป็นอาวุธในยามที่ลงสนาม

ไนกี้ Mercurial Vapor SuperFly III "สีม่วง" คู่นี้ที่ผมได้มาทดสอบนั้นเป็นสีเปิดตัว
อย่างเป็นทางการของซีรี่ย์ Mercurial VII โดดเด่นด้วยลวดลายบริเวณส้นเท้า "สีเขียว
สะท้อนแสง" ที่มีลวดลายสายฟ้า เป้นคู่สีที่ตัดกันกับสีหลักของตัวรองเท้าเป็นอย่างมาก
ช่วยสร้างความโดดเด่นได้สมกับคำโฆษณา
Feeling

มาได้เวลาทดลองใส่จรวดสีม่วงคู่นี้ลงสนามทดสอบเสียที ก่อนอื่นเลยจะขอพูดเรื่องไซด์
รองเท้ากันก่อนนะครับ เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้วที่ผมได้ทดสอบ CTR 360 Maestri II คราวนั้น
เป็นไซด์ 9.5 us , 8.5 uk , 43 fr และ 27.5 cm ซึ่งใส่ได้พอดีกับขนาดเท้าของผม มีความ
กระชับกำลังดี แต่สำหรับ Mercurial Vapor SuperFly III คู่นี้จะเป็นไซด์ 10 us , 9 uk ,
44 fr และ 28.0 cm ความรู้สึกเมื่อได้สวมใส่และผูกเชือกรองเท้าให้แน่หนานั้น ผมรู้สึกได้
ถึงความกระชับบริเวณด้านข้างของเท้าเป็นอย่างมาก แต่โดยส่วนตัวแล้วเป็นความกระชับ
ที่ทำให้รู้สึกมีความมั่นใจ เรียกได้เลยว่านี่แหละใช่เลย..ความกระชับที่รองเท้าฟุตบอล
สายความเร็วควรจะมี ในขณะพื้นที่ตามแนวยาว ด้านหัว-ท้ายของเท้าผมนั้นก็มีพื้นที่
เหลือแทบจะไม่แตกต่างจากครั้งที่ได้ลอง CTR 360 Maestri II เลย

ถึงแม้ว่าตัวรองเท้าจะมีความกระชับที่ยอดเยี่ยม แต่ชุดแผ่นรองพื้นและหุ้มส้นยังไม่ให้
ความกระชับมากนัก เนื่องจากแผ่นรองพื้นที่มีการเจาะรูไปทั่วทั้งแผ่นนั้นใช้พื้นผิวหน้าที่
ทำจากผ้าไนล่อน และหุ้มส้นภายในที่มีพื้นผิวเป็นปุ่มๆ เพื่อช่วยเพิ่มความเสียดทาน ยังมี
ความแข็งพอสมควร จึงทำให้บริเวณหุ้มส้นนั้นไม่ได้รับความสบายมากนัก

ดังนั้นถ้าจะให้ผมแนะนำเรื่องการเลือกไซด์ของรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้ ก็พอจะบอกได้คร่าวๆ
ว่าสำหรับผู้ที่มีลักษณะเท้าเรียวยาว และเคยใส่รองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์นี้มาก่อนแล้ว ก็ให้เลือก
ซื้อตรงไซด์ แต่สำหรับผู้ที่มีลักษณะหน้าเท้ากว้าง และไม่เคยใส่รองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์นี้เลย
ผมแนะนำให้ท่านลองมองหา Mercurial Vapor SuperFly III ที่มีขนาดมากขึ้น 0.5 ไซด์
น่าจะดีกว่า

ทั้งนี้ผมเองยังเป็นคนที่มีลักษณะหลังเท้าที่นูนขึ้นมาในระดับทั่วๆ ไป ไม่ได้ผิดแปลก
จากคนอื่นๆ มากนัก ทำให้เมื่อสวมใส่ Mercurial Vapor SuperFly III โดยทำการ
ผูกเชือกผ่านรูร้อยเชือกรองเท้าที่เพิ่มขึ้นมาตอนปลายจนแน่นพอตึงมือ เพื่อช่วยเรื่อง
ของความกระชับ จะเห็นได้จากภาพเลยครับว่า รูปทรงของรองเท้าค่อนข้างจะดูดี
พอสมควร โดยเฉพาะการไล่ระดับในแนวลาดจากหัวรองเท้าขึ้นมาที่บริเวณข้อเท้า
ถึงแม้ว่าอาจจะดูเหมือนถูกรัดกระชับเอาไว้ด้วยโครงสร้างฟลายไวร์ แต่นั่นก็เป็น
ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้อึดอัดจนเท้าหายใจไม่ออกอย่างที่ได้บอกไปแล้ว
Features

ลูกเล่นเด็ดของรองเท้ารุ่นนี้คงจะหนีไม่พ้นเทคโนโลยีปุ่มกลม (Adaptive Traction System)
ที่ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการนึดเกาะกับพื้นสนาม และผ่อนแรง เมื่อต้องเผชิญกับพื้น
สนามที่มีความแข็ง แค่เพียงได้ลองเดินบนพื้นสนามก็พอจะได้รู้สึกถึงการทำงานของปุ่มกลม
(Adaptive Traction System) ได้บางส่วน โดยจะรู้สึกได้เลยว่าจะมีการยุบตัวที่บริเวณดังกล่าว
และเมื่อลองใช้งานจริงในสนามทั้งวิ่งแบบปกติ และออกตัวแบบใช้ความเร็ว รวมถึงการเปลี่ยน
ทิศทางการวิ่ง บอกตรงๆ เลยครับว่าผมรู้สึกว่าเทคโนโลยีนี้มันใช้งานได้จริง จังหวะวิ่ง-
สปรินซ์ตัวนั้นรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความเร็วที่รู้สึกได้ จังหวะการ
วิ่งเปลี่ยนทิศทางหรือกลับตัว และหลอกล่อคู่แข่ง ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งนี้ผมเอง
เคยได้ลองทดสอบรองเท้ารุ่น Mercurial VI Miracle มาก่อน ซึ่งเป็นรุ่นที่มีชุดพื้นและแนววาง
ปุ่มเหมือนกันกับรุ่นนี้ แต่จะแตกต่างตรงที่ไม่มีปุ่มกลม เมื่อได้ลองเปรียบเทียบกันแล้วจะรู้ได้ถึง
ความแตกต่างและประสิทธิภาพของปุ่มที่มีให้ใช้เฉพาะรองเท้ารุ่นนี้เท่านั้น
แต่ด้วยหน้าผ้าและตัวรองเท้าที่ผลิตจากหนังสังเคราะห์เทจินไมโครไฟเบอร์ (Tejin
microfiber) ที่เสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างด้วยเส้นใยเหล็กกล้า (Flywire)
ส่งผลให้ตัวรองเท้ามีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแกร่ง แต่ส่งผลให้ผิวสัมผัสและหน้าผ้าของ
รองเท้านั้นจะมีความแข็งมากกว่ารุ่นอื่นๆ จังหวะการวิ่งที่จะต้องมีการงอของตัวรองเท้านั้น
จะเห็นรอยยับของตัวรองเท้าได้อย่างชัดเจน เนื่องจากโครงสร้างของเหล็กกล้านั้นไม่สามารถ
งอตามรองเท้าได้อย่างเต็มที่ แต่โครงสร้างที่แข็งแกร่งดังกล่าวก็พอจะมีความยืดหยุ่นในตัว
ของมันเอง ดังนั้นเมื่อหลังการใช้งานจะไม่ค่อยเกิดรอยยับของตัวรองเท้ามากนัก

และแน่นอนว่าถ้าพูดถึง Mercurial Vapor SuperFly III ก็คงต้องพูดถึงความสามารถใน
การควบคุมทิศทางของลูกฟุตบอลในจังหวะกระชากหนีคู่แข่ง ด้วยรูปทรงของตัวรองเท้าที่
มีความโค้งเว้าเข้ากับความกลมของลูกฟุตบอล ดังนั้นจังหวะการกระชากและเปลี่ยนทิศทาง
บอลด้วยหลังเท้าจึงสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อยากให้ลองจินตการถึงภาพของ
"คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ที่คอยสับขาหลอกล่อคู่แข่ง และกระชากหนีไปซ้าย-ขวา ด้วยหลัง
เท้าด้านนอก (เฮ้ย..เอาแบบนั้นเลยเหรอ) จังหวะแบบนี้จะถูกเพิ่มความมั่นคงในการยึดเกาะ
กับพื้นด้วยปุ่มโค้งที่อยู่ด้านนอกของส่วนหน้า ดังนั้นความสามารถในการยึดเกาะและ
หลอกล่อคู่แข่งจึงเป็นจุดแข็งของรองเท้ารุ่นนี้

นอกเหนือจากความสามารถในการไปกับบอลแล้ว Mercurial Vapor SuperFly III ยังมี
ส่วนโค้งเว้าของข้างเท้าด้านในที่เข้ากับความกลมของลูกฟุตบอลเช่นกัน การสัมผัส
จึงทำได้อย่างเต็มพื้นที่ ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งของเส็นใยเหล็กกล้าที่ฝังอยู่ตลอดลำตัว
ของรองเท้าทำให้ตัวรองเท้ามีความแข็งกว่าปกติ ดังนั้นจึงมีผลดีในการช่วยเพิ่มความแรง
ให้กับลูกฟุตบอลที่ถูกส่งออกไปจากเท้าได้มากกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นผิวสัมผัส
บนตัวรองเท้านั้นไม่มีการเคลือบผิวให้มีความเหนียวเพื่อให้เกิดการดึงดูดกับลูกฟุตบอลแต่
อย่างใด

การยิงประตูด้วยบริเวณหลังเท้าก็สามารถทำได้อย่างรุ่นแรงสนกับแนวคิดในการออกแบบ
ด้วยความโค้งเว้าของบริเวณหลังเท้าตามที่ได้กล่าวไปแล้ว จึงทำให้การส่งแรงจากเท้าผ่าน
ไปยังลูกฟุตบอลนั้นทำได้อย่างเต็มพื้นที่และมีประสิทธิภาพมากพอสมควร ลูกฟุตบอลที่ถูก
ยิงออกไปจากหลังเท้านั้นมีความรุนแรงพอสมควรเมื่อเทียบกับการเป็นรองเท้า
ฟุตบอลสายความเร็ว เพียงแต่อาจจะต้องฝึกควบคุมทิศทางคลำเรดาร์กันสักหน่อย เพราะ
รองเท้าไม่มีพวกแทบยางในการปั่นโค้งหรืออุปกรณ์ช่วยควบคุมทิศทาง อีกทั้งผิวสัมผัสยัง
เป็นพื้นที่มีความลื่นอยู่บ้าง
ปิดท้ายด้วยจุดเด่นในการออกแบบที่ทางไนกี้ใส่ลวดลายสีสะท้อนแสงและลงในคู่สีที่
แตกต่างกัน เพื่อสร้างความโดดเด่นให้เพื่อนร่วมทีมสามารถสังเกตเห็นได้ก่อนสิ่งอื่นใด
กับรองเท้า Mercurial Vapor SuperFly III สีม่วงเข้มที่ถูกตัดลวดลายในสีเขียวสะท้อนแสง
จะเห็นได้เลยว่าลวดลายสีสะท้อนแสงที่ส้นเท้านั้นมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก และ
ถึงแม้ว่าจะเป็นสีเขียวที่คล้ายกับพื้นหญ้าของสนามก็ตาม ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าจังหวะที่คุณ
ไม่ได้ครอบครองลูกฟุตบอล คุณก็จะยังเป็นส่วนหนึ่งของเกมการแข่งขันเพราะความ
โดดเด่นของรองเท้านั่นเอง
Conclusion

หลังจากที่ใช้เวลาในการทดสอบมาพอสมควรกับ Mercurial Vapor SuperFly III ราคา
14,700 บาทคู่นี้ ลองมาแยกเป็นการใช้งานกับพื้นสนามแบบต่างๆ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
และสรุปทั้งหมด ดังนี้
การใช้งานกับพื้นหญ้าจริง

Mercurial Vapor SuperFly III ค่อนข้างจะเหมาะสมกับการใช้งานกับสนามหญ้าจริง
เนื่องจากปุ่มรองเท้าสามารถยึดเกาะลงไปกับพื้นดินได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับสนามหญ้าเทียม
ดังนั้นจังหวะวิ่งเต็มสปีด หรือจะสับขาแล้วกระชากหนีคู่แข่ง จึงทำได้อย่างสนุกมากเพราะ
รองเท้ามีความสามารถในการยึดเกาะพื้นที่ดีเยี่ยม และถึงแม้ว่าสนามหญ้าจริงในเมืองไทย
ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นดินแข็งๆ มีหญ้าบ้างมีดินบ้างผสมปะปนกันไป ดังนั้นเทคโนโลยีปุ่มกลม
(Adaptive Traction System) จึงมีประโยชน์ในการช่วยปรับความสมดุลและผ่อนแรงได้ดี
ชุดพื้นคาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon fiber) ที่มีความแข็งแกร่งน้ำหนักเบา และเป็นวัสดุที่
มีความต้านทานต่อรอยขีดข่วนสูง จึงเหมาะมากกับการใช้งานในสนามหญ้าจริงที่มีกลิ่น
กลิ่นดินหญ้าและอาจมีเศษหินเช่นนี้
การใช้งานกับพื้นหญ้าเทียม
ถึงแม้ว่าจะแสดงความคิดเห็นไปจนหมดว่า Mercurial Vapor SuperFly III เหมาะสมกับ
การใช้งานในสนามหญ้าจริงอย่างนู้นอย่างนี้ แต่เมื่อควบเจ้าจรวดทางเรียบคู่นี้ลงเล่นใน
สนามหญ้าเทียม ความรู้สึกโดยรวมนั้นก็ไม่ค่อยแตกต่างจากสนามหญ้าจริงมากนัก ความ
สามารถในการยึดเกาะพื้นนั้นยังทำได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าจะให้ดีก็คงต้องเลือกใช้บริการ
สนามหญ้าเทียมที่มีความนุ่มของพื้น เพื่อที่จะได้ใช้งานรองเท้ารุ่นนี้ได้อยากเต็มประสิทธิภาพ
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
ความกระชับเท้าถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับรองเท้าฟุตบอลสายความเร็ว เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
ในจังหวะการวิ่งและสปรินซ์ตัวได้อย่างเต็มความเร็ว อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าแผ่นรองพื้น
และหุ้มส้นนั้นยังไม่ค่อยถูกใจนัก เพราะเชื่อว่าถ้าไนกี้ลองเปลี่ยนแผ่นรองพื้นมาใช้แบบเดียว
กับรุ่น Mercurial Vapor VII ที่มีลักษณะการเคลือบผิวหน้าให้มีความเหนียวและดึงดูดกับ
เท้าของผู้สวมใส่ได้ดีกว่า และหุ้มส้นที่เป็นแบบกำมะหยี่หรือหนังกลับ แบบที่ไนกี้เอามาใช้
กับ CTR 360 Maestri II เพื่อช่วยในเรื่องความกระชับ ใส่สบายเท้าและป้องกันการถูกกัด
ให้หมดไป น่าจะถูกลองนำเอามาใช้กับรองเท้ารุ่น Mercurial Vapor SuperFly III ด้วย
เพื่อประโยชน์การสร้างความกระชับบริเวณส้นเท้าให้ดีขึ้นกว่านี้
ทั้งนี้แนวคิดของการออกแบบที่ไนกี้ได้สร้างลวดลายบริเวณส้นเท้าและเลือกใช้สีสะท้อนแสง
ให้มีเฉดสีที่ตัดกับสีหลักของตัวรองเท้า จากการทดสอบนั้นยอมรับว่ารองเท้ามีความโดดเด่น
เป็นอย่างมาก และแนวคิดนี้น่าจะใช้งานได้จริง แต่...หลายๆ คนยังมีคำถามส่งผ่านมาให้ผม
ได้คิดและค่อนข้างจะเห็นด้วย เพราะในยุคปัจจุบันที่แฟนชั่นในวงการรองเท้าฟุตบอลนั้นมี
การแข่งขันที่สูงมาก รองเท้ารุ่นอื่นๆ แบรนด์อื่นๆ ผู้ผลิตต่างผลิตสีสันต์ที่โดดเด่นและแสบตา
ให้กับรองเท้าฟุตบอลของตนเอง เช่น สีส้ม สีเหลือง สีแดง สีเขียว ฯลฯ ซึ่งไม่ใช่แค่พื้นที่
สีส่วนหนึ่งของรองเท้าเท่านั้น แต่สีสุดแสบตาดังกล่าวได้ถูกเอามาใช้เป็นสีหลักของรองเท้า
เลยด้วยซ้ำไป และเมื่อรองเท้าเหล่านี้ถูกใส่ลงไปเผชิญหน้ากันในสนาม...ก็ไม่รู้ว่ารองเท้า
ของใครจะโดดเด่นกว่ากัน หรือมองอีกแง่หนึ่งว่า ถ้านักฟุตบอลทั้งสนามเลือกที่จะสวมใส่
Mercurial Vapor SuperFly III พร้อมกันทั้งหมด แล้วการสังเกตเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมทีม
นั้นจะยังทำได้ง่ายแบบนี้หรือเปล่า เพราะเชื่อว่าไนกี้คงไม่อยากให้ในหนึ่งสนาม มีเพียงแค่
นักเตะคนเดียวเท่านั้นที่จะใส่รองเท้ารุ่นนี้หรอกนะครับ...
นอกจากนี้ยังมีคำถามจากหลายๆ คนที่ผมพบปะเจอะเจอมา ซึ่งเป็นคำถามที่คล้ายๆ กันเลย
คือนอกเหนือจากลวดลายการลงสีแบบใหม่แล้ว Mercurial Vapor SuperFly III นั้นมีความ
แตกต่างจาก Mercurial Vapor SuperFly II ตรงไหนบ้าง !? ก็เลยจะขอสรุปประเด็นคร่าวๆ
ถึงความแตกต่างให้ได้รับทราบกัน
ความแตกต่างระหว่าง Mercurial Vapor SuperFly III กับ Mercurial Vapor SuperFly II
1. เส้นใยเหล็กกล้าฟลายไว์จะมีเพิ่มขึ้นและถูกลากออกไปถึงบริเวณส้นเท้า
2. รูปทรงของหัวรองเท้ามีความโค้งและทู่กว่า โดยเฉพาะบริเวณตำแหน่งของนิ้วก้อยจะมี
การขยายออกไปอย่างเห็นได้ชัด จึงช่วยให้ผู้ที่มีหน้าเท้ากว้างมีโอกาสที่จะได้ใส่รองเท้ารุ่นนี้
ได้อย่างสบายเท้ามากขึ้น
3. บริเวณหัวรองเท้าจะถูกกดให้ต่ำลง ดังนั้น Toe-off Traction Spikes ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใน
การช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะกับพื้นสนามจะสามารถใช้งานได้ดีขึ้น
4. หน้าผ้าและตัวรองเท้ามีความบางมากขึ้น ทำให้สามารถรู้สึกถึงสัมผัสของลูกฟุตบอลได้
ดีกว่าเดิม

ประทับใจเป็นอย่างมากกับรองเท้าฟุตบอลสายความเร็วระดับ World Class คู่นี้ และแม้
ว่า Mercurial Vapor SuperFly III จะไม่ใช่รองเท้าฟุตบอลที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก
ก็ไม่ได้หมายความว่ารองเท้ารุ่นนี้จะสู้ความเร็วกับคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ ไม่ได้ หากเทียบกันใน
สังกัดรองเท้าฟุตบอลสายความเร็ว โดยส่วนตัวแล้วผมชื่นชอบรองเท้ารุ่นนี้มากกว่า เพราะ
เทคโนโลยีทางวัสดุและแนวคิดในการออกแบบ การที่ไม่ได้มีน้ำหนักตัวที่เบาเหมือนคู่แข่ง
คุณอาจจะไม่ได้วิ่งตัวปลิว แตะบอลไปข้างหน้ายาวๆ แล้ววิ่งตาม แต่นิยามของรองเท้ารุ่นนี้
อยากให้ลองหลับตาแล้วจินตการนึงการพาบอลไปกับเท้า สับขาหลอกล่อคู่แข่งและกระชาก
หนีการประกบไปทีละคนๆ การเล่นแบบนี้ไม่ใช่หรือที่ใครหลายๆ คนอยากทำให้ได้อย่าง
"คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ดังนั้นการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยมของชุดพื้นและปุ่ม น้ำหนักตัวที่
กำลังดีจะช่วยในเรื่องของศูนย์ถ่วง รวมถึงพละกำลังและความเฉียบคมในการยิงประตูก็ยัง
สามารถถามหาได้จากรองเท้ารุ่นนี้ ความแข็งแกร่งและทนทานของรองเท้าที่มีค่าตัวสูงถึง
14,700 บาท ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ซื้ออย่างเราๆ ท่านๆ จะต้องคำนึงถึงอายุการใช้งานที่
นานกว่า ดังนั้นคงจะไม่มีใครว่าอะไร ถ้าผมจะขอบอกว่า "Mercurial Vapor SuperFly III"
คือรองเท้าฟุตบอลสายความเร็วที่ยอดเยี่ยมที่สุด..."
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น